ปี ค.ศ. : 2017

ชนิดเชื้อเพลิง :

เกียร์ : ออโต้

ขนาดเครื่องยนต์ : 2.0 cc

สี : ดำ

ดีไซน์ภายนอก 

– ส่วนใหญ่ของ GLA 250 เป็นรถยนต์ SUV ที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างสปอร์ต โดดเด่นมาแต่ไกลด้วยกระจังหน้าของตัวรถแบบ AMG อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสัญลักษณ์ของแบรนด์ขนาดใหญ่ ติดตั้งที่กลางกระจังหน้ารถ เสริมภาพลักษณ์ความพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี

– บริเวณชายด้านล่างของตัวรถทั้งคัน ติดตั้งสเกริตแต่ง AMG สีโครเมี่ยม ช่วยเสริมความหรูหราให้กับตัวรถ แถมช่วยขับภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี

– ไฟหน้า เป็นไฟแบบ LED แบบปรับไฟอัตโนมัติ ที่รวมเอาทั้งไฟสูงและไฟต่ำในโคมเดียวกัน โดยมีคิ้วไฟ DRL แบบเส้น ไฟหน้าตัวนี้มีคุณสมบัติของความเข้มแสงที่เทียบเท่ากับแสงแดดของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน ซึ่งเมื่อใช้งานขับขี่ในเวลากลางคืนจะรู้สึกสบายตา และมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจน

– มือจับประตู เป็นระบบ HANDS-FREE ACCESS เมื่อล้วงมือเข้าไปในเบ้าประตู ก็สามารถเปิดประตูรถได้ทั้ง 4 บาน และสามารถตั้งค่าให้เปิดเฉพาะฝั่งคนขับอย่างเดียวได้

– ถัดมาด้านหลัง โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED เอกลักษณ์ของตระกูล GLA ส่วนประตูห้องเก็บสัมภาระ เป็นระบบไฟฟ้า สามารถเตะไปที่ใต้ท้องรถ เพื่อเปิด/ปิดประตูได้

– ส่วนกล้องมองหลังของรถรุ่นนี้ จะซ่อนอยู่บริเวณเหนือกรอบป้ายทะเบียน โดยจะโผล่ออกมาเมื่อใส่เกียร์ถอยเท่านั้น หากไม่ได้ใส่เกียร์ถอย ตัวกล้องจะพับซ่อนเองโดยอัตโนมัติ

ภายในรถ 

– ต้อนรับด้วยไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 12 เฉดสีด้วยกัน  ช่วยเสริมความพรีเมี่ยมให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี โดยบริเวณชายบันได มีสัญลักษณ์ MERCEDES-BENZ ส่องสว่างมาให้ด้วย

– เบาะนั่งตอนหน้า เป็นหนังเดินด้านแดงทรงสปอร์ต โอบลำตัวได้กระชับกำลังดี ปรับไฟฟ้าทุกทิศทาง พร้อมปรับระดับการดันหลังได้ อีกทั้งยังมีปุ่มตั้งค่าการปรับเบาะนั่งมาให้จำนวน 3 โปรไฟล์ด้วยกันทั้ง 2 ฝั่ง

– บริเวณคอนโซลด้านหน้า ภาพลักษณ์ดูคร่าวๆ ค่อนข้างพรีเมี่ยมตามเอกลักษณ์ของ MERCEDES-BENZ วัสดุคอนโซลหน้าเป็นพลาสติก บุนิ่ม บริเวณจอมัลติมีเดียตรงกลาง เป็นจอธรรมดา ไม่ทัชสกรีน ควบคุมการทำงานทั้งหมดผ่านแป้นหมุนบริเวณที่วางแก้วน้ำตรงกลาง โดยเจ้าหน้าจอตัวนี้ รองรับการทำงานของ APPLE CARPLAY ด้วย

– ปุ่มกดต่างๆ บริเวณนี้ สะท้อนความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี การจะเรียกใช้โหมดการทำงานต่างๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบมัลติมีเดียระบบนำทางระบบการทำงานของตัวรถ ก็สามารถกดปุ่มนั้นๆ ได้เพียงครั้งเดียว ไม่ต้องคอยเลื่อนเข้าตามเมนูย่อยๆ แบบรถบางรุ่นในปัจจุบัน

– ส่วนระบบปรับอากาศ ให้มาเป็นแบบอัตโนมัติ แยก 2 โซน

– พวงมาลัย เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ปรับระดับขึ้นลงใกล้ไกล ได้ ควบคุมการทำงานของตัวรถเกือบทั้งหมดบนพวงมาลัยได้เลย มีน้ำหนักค่อนข้างเบามาก นอกจากนี้ยังติดตั้งปุ่มเพิ่มลดเกียร์ มาให้ที่พวงมาลัย สำหรับท่านที่ต้องการความสปอร์ต อยากเปลี่ยนเกียร์เอง ก็สามารถทำได้

– ส่วนคันเกียร์ของรถคันนี้ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านขวาของพวงมาลัย ลักษณะคล้ายกับก้านปัดน้ำฝน

– หน้าจอเรือนไมล์ รวมเอาทั้งแบบเข็มและดิจิตอลไว้ได้อย่างลงตัว โดยตัวเข็มวัด จะใช้งานในส่วนมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ส่วนหน้าจอดิจิตอลตรงกลาง จะบอกข้อมูลการขับขี่อื่นๆ อาทิเช่น การเปิดประตูโหมดการขับขี่จับทริประบบล็อกความเร็ว ฯลฯ

– ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง ค่อนข้างกระทัดรัดสักหน่อย มีที่เท้าแขน พร้อมที่วางแก้วมาให้ตรงกลาง พร้อมแอร์ตอนหลัง นั่ง 2 คนกำลังสบายๆ ถ้า 3 คนก็พอได้ แต่จะแน่นนิดๆ

เครื่องยนต์ใน GLA 250 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน

 

ราคา 858,000